การทรงเรียกที่จะออกไป: สำรวจทุ่งนาแห่งการเก็บเกี่ยว - รายงานของวายแวมตรังจากทริปการออกไปสำรวจ
- Erik Gonzalez
- 14 เม.ย.
- ยาว 1 นาที
เขียนโดย: เคเล็บ บาร์เทล
แก้ไขโดย: เอริก กอนซาเลซ
แปลโดย: ขวัญ & ทักษิณ จิตต์คง
หัวใจของพันธกิจของเราคือการออกไปประกาศข่าวประเสริฐ—เพื่อประกาศข่าวประเสริฐ แก่ผู้ที่ยังไม่เคยได้ยิน นี่คือเหตุผลที่เราออกไปทำการสำรวจ: เพื่อค้นหาสถานที่ที่ข่าวประเสริฐซึ่งยังไม่หยั่งรากลึก เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้เชื่อที่นั่น และเพื่อที่เราจะรู้ว่าเราจะร่วมงานกับพระเจ้าในท่ามกลางประชาชาติได้อย่างไร เมื่อไม่นานมานี้ทีมของเราได้ออกเดินทางไปเยี่ยมเยียนสองประเทศด้วยกัน ประเทศหนึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ความเชื่อคริสเตียนแทบสูญสิ้นและอีกประเทศหนึ่งคริสเตียนได้ถูก ข่มเหงอย่างหนักสิ่งที่เราได้ไปพบเจอนั้นทำให้หัวใจของเราแตกสลาย แต่เราก็ยังเต็มไปด้วยความหวัง
"เราอุทิศตัวเพื่อนำการเชื่อฟังด้วยความเชื่อวางใจที่มีในพระเจ้าไปสู่ท่ามกลาง บรรดาประชาชาติที่ข่าวประเสริฐยังเข้าไปไม่ถึง โดยการระดมพล รวบรวมผู้คนและทวีคูณ การสร้างสาวก และออกไปประกาศข่าวประเสริฐ"
สถานที่แรกของเราคือ ประเทศที่มีประวัติศาสตร์ของคริสเตียนมาเป็นเวลายาวนาน ดินแดนที่อัครทูตสาวกเคยเดินเหยียบย่าง และเป็นสถานที่ที่คริสตจักรยุคแรกถือกำเนิดขึ้น ในอดีต ข่าวประเสริฐของพระคริสต์เป็นที่รู้จักและอยู่ทุกหนแห่ง แต่ในปัจจุบัน ความจริงกลับตรงกันข้าม ในประเทศที่มีประชากรกว่า 86 ล้านคน มีเพียง 0.04% เท่านั้นที่ประกาศตนว่าเป็นคริสเตียน และคริสตจักรเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่ง แต่ความเชื่อศรัทธาอันแรงกล้าในอดีตยังชัดเจนอยู่ ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องราวในอดีตที่เลือนหายไป
ระหว่างที่เราได้เดินทางสำรวจโบราณสถานเก่าแก่เราสัมผสได้ถึงมรดกทางวัฒนธรรมอย่างถ่องแท้วิหารคริสตจักรใหญ่โตที่เคยถูกใช้เพื่อนมัสการพระเจ้าได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นมัสยิด แม้จะเป็นภาพสะท้อนของการเสื่อมถอยทางความเชื่อในอดีต แต่ก็ยังคงมีประกายแห่งความหวัง
ถึงแม้เราจะได้พบปะผู้เชื่อเพียงไม่กี่คนก็ตามแต่พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เปี่ยมด้วยไฟแห่งพระ วิญญาณและความร้อนรนเป็นคริสตจักรที่ไม่เพียงยืนหยัดอยู่ในความเชื่อเท่านั้นและมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและมีหัวใจที่พร้อมที่จะก้าวออกไป พวกเขามีใจปรารถนาจะส่งมิชชันนารีไปยังประเทศรอบข้าง—คือไปยังที่ที่ไม่เคยได้ยินพระกิตติคุณ เราออกจากที่นั่นมาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังและภาระใจ แม้ว่าผลของข่าวประเสริฐอาจดูเหมือนไม่เกิดผลอะไรมากมายเหมือนอย่างในอดีต แต่เรามั่นใจว่าพระเจ้ากำลังเตรียมหัวใจของผู้เชื่อที่นั่นที่จะพร้อมสละทุกสิ่งและยืนหยัดในความเชื่อที่มั่นคงเข้มแข็งในพระเจ้า
การออกไปประกาศข่าวประเสริฐ: "โดยการออกไปประกาศข่าวประเสริฐในภาคใต้ของประเทศไทย และประเทศที่พระเจ้านำให้อุทิศและให้ภาระใจ เพื่อประกาศข่าวประเสริฐโดยคำพูดและการกระทำ”
สถานที่ที่สองที่เราไป เป็นประเทศที่แตกต่างและตรงกันข้ามกับสถานที่แรกอย่างสิ้นเชิง คริสเตียนไม่ได้เพียงถูกเพิกเฉยหรือถูกละเลยเท่านั่น แต่ยังถูกต่อต้านอย่างหนัก เราได้พบว่าผู้เชื่อที่นั่นอยู่ด้วยความอดทนต่อแรงกดดันจากรอบด้าน ต้องเผชิญกับการถูกข่มเหงจากทางสังคมและความรุนแรงต่างๆประเทศนี้เป็นหนึ่งในสิบอันดับต้นๆของโลกซึ่งเป็นสถานที่อันตรายและเสี่ยงที่สุดสำหรับคริสเตียน
เราได้ยินเรื่องราวที่สะเทือนใจอย่างมาก บางครอบครัวต้องพลัดพรากจากกัน หมู่บ้านถูกเผาเสียหายสูญเสียทุกอย่างเราได้ไปเยี่ยมบ้านของคริสเตียนบางคนที่ต้องตก เป็นทาสของการเป็นหนี้เงินกู้ พวกเขาถูกบังคับให้ทำอิฐเพื่อใช้หนี้ที่ไม่มีทางใช้หนี้หมด ทั้งที่เขาต้องเผชิญกับความกดดันมากมาย แต่พวกเขาก็ยังอดทนยึดมั่นในความเชื่อของตนและอดทนอยู่ในโลกที่ต่อต้านความเชื่อ ของพวกเขา มันง่ายที่จะรู้สึกสิ้นหวังหรือหมดหวังเมื่อได้เห็นความทุกข์ยากลำบากในที่แบบนี้ และอดคิดไม่ได้ว่า แสงสว่างของพระเยซูจะสามารถส่องเข้าไปในที่มืดมนขนาดนี้ได้อย่างไร?
ถ้อยคำของพระเยซูในยอห์น 16:33 นำความหวังมาสู่หัวใจของเรา: "ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยากแต่จงมีใจกล้าเถิดเพราะว่าเราชนะโลกแล้ว" ผู้เชื่อที่เราได้พบไม่ได้ถูกบดขยี้หรือพ่ายแพ้ แต่พวกเขายึดมั่นในพระสัญญาของพระเจ้า ว่าความทุกข์ยากของพวกเขาจะไม่สูญเปล่า ว่าพระเยซูทรงเตรียมบ้านแท้ แผ่นดินสวรรค์สำหรับพวกเขา (ยอห์น 14:1-3) แม้ในที่ที่มืดมนที่สุดแสงสว่างของพระคริสต์ยังคงส่องสว่างอยู่เสมอ และเรามั่นใจว่าพระองค์จะทรงใช้ผู้ที่อ่อนแอ กระทำให้ผู้ที่เข้มแข็งต้องอับอาย (1 โครินธ์ 1:27)
"เป็นเกียรติและความชื่นชมยินดีที่เราได้ใช้ชีวิตของเราเพื่อตอบสนองต่อพระ เยซู และเร่งวันสำหรับเสด็จมาของพระองค์ เพราะพระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศ แต่ทรงปรารถนาให้ทุกคนกลับใจเสียใหม่"
แม้ว่าทั้งสองประเทศที่เราได้ไปเยี่ยมเยียนจะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง —คือประเทศหนึ่งที่:ความเชื่อเรื่องข่าวประเสริฐแทบจะสูญสิ้น—อีกประเทศหนึ่งคือการมีความเชื่อ ในข่าวประเสริฐ เป็นภัยต่อชีวิต—แต่มีความจริงอย่างหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ: ข่าวประเสริฐของพระเยซูต้องถูกประกาศออกไป ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินนั้นที่ดินจะดีหรือดินจะแข็ง ที่ที่ง่ายหรือที่ยาก ข่าวประเสริฐของพระเยซูเป็นเรื่องราวอันเป็นนิรันดร์ และมีค่าควรแก่ทุกสิ่ง เราได้เห็นว่า แม้จะมีความท้าทายหรืออุปสรรคมากมาย อาณาจักรของพระเจ้ายังคงต้องขยายออกไป และข่าวประเสริฐเปรียบเสมือนไข่มุกที่มีค่ามาก (มัทธิว 13:46)
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ เรารู้สึกถึงความเร่งด่วนอีกครั้ง เสียงเรียกให้ออกไป—เพื่อส่งเสริมระดมและรวบรวมผู้คน การสร้างสาวก และส่งออกไป- ไม่เคยมีความสำคัญขนาดนี้มาก่อน ซึ่งยังมีอีกหลายพันล้านคนที่ยังไม่เคยได้ยินพระนามของพระเยซู ยังมีอีกหลายประเทศที่ความจริงแห่งข่าวประเสริฐของพระเยซูยังไม่ถูกประกาศออกไป ทุ่งนาก็เหลืองอร่ามและพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวแล้ว แต่คนงานยังน้อยอยู่
เมื่อเรามองย้อนกลับไปถึงการเดินทางในครั้งนี้ เราระลึกถึงถ้อยคำของพระเยซูในยอห์น 20:21: "พระบิดาได้ส่งเรามาเช่นใด เราก็ส่งเจ้าไปเช่นนั้น" คุณจะยืนหยัดในสิ่งนี้ร่วมกับเราหรือไม่? คุณจะเข้าร่วมภารกิจของพระคริสต์และออกไปสู่ทุ่งนาแห่งการเก็บเกี่ยวหรือไม่? ยังมีงานที่ต้องทำอีกมากมาย แต่หากเราร่วมมือกัน เราจะสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้!
Comments